การทำ SEO (Search Engine Optimization) ที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพในระยะยาวนั้น จะมีแนวโน้มเป็นอย่างไรในอนาคต SEO 2024 จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน ในบทความนี้เราได้รวบรวม SEO Trends ในปี 2024 ที่น่าสนใจ พร้อมวิธีเตรียมพร้อมเพื่อให้การทำ SEO ของคุณประสบความสำเร็จในอนาคตมาให้ทุกคนแล้ว!
แนวโน้ม และทิศทางของการทำ SEO ในอนาคต
จากกระแสเทคโนโลยีต่างๆ ที่เริ่มเข้ามามีบทบาทในการทำการตลาดออนไลน์ของธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบ Ai ต่างๆ หรือเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์อื่นๆ ทำให้หลายคนสงสัยว่าการทำ SEO จะยังจำเป็นอยู่ไหมในปี 2024 และปีต่อๆ ไป เราต้องขอบอกเลยว่า
‘ตราบใดที่ผู้คนยังใช้ Google ในการค้นหาข้อมูลต่างๆ’ การทำ SEO ก็ยังคงมีส่วนช่วยในการทำการตลาดออนไลน์ให้ธุรกิจมุ่งสู่เป้าหมายได้ และ ‘ตราบใดที่ธุรกิจยังคงพึ่งพาผู้คนหรือกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจในรูปแบบ Organic’ โดยมีเป้าหมายต่างๆ อาทิ เพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์, ปริมาณการค้นหาเว็บไซต์, เพิ่ม Conversion และเพิ่มยอดขาย SEO ก็ยังถือเป็นตัวเลือกที่ยังคงได้รับความนิยมและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่การเพิ่มมากขึ้นในครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่เลือกใช้ SEO เป็นเครื่องมือในการทำการตลาดเพียงเท่านั้น แต่ลูกค้าออนไลน์ที่จะเข้ามาค้นหาข้อมูลต่างๆ ใน Google ก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มักจะพึ่งพาเครื่องมือการค้นหามากขึ้นในการอ่านบทวิจารณ์ การตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และการค้นหาข้อมูล ฯลฯ ทำให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์ในส่วนนี้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้เพิ่มมากขึ้นได้
เราจึงคาดการณ์ SEO Trends ในปี 2024 ว่า การทำ SEO จะยังคงเติบโตและมีความสำคัญ ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะยังมีบทบาทในการทำการตลาดของธุรกิจอย่างต่อเนื่องในอนาคต อย่างไรก็ตามในอนาคตการที่จะทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จนั้นจำเป็นจะต้องมีการอัปเดตความรู้และพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์อยู่เสมอ เพราะเราคาดว่าการเติบโตของเทคโนโลยีและการเปิดตัวเครื่องมือทางด้านตลาดต่างๆ เช่น เครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT จะทำให้การแข่งขันของการตลาดแบบ SEO เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากธุรกิจต่างๆ เริ่มปรับตัวและเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ เหล่านั้นเพื่อเข้ามามีส่วนช่วยในการพัฒนากลยุทธ์และปรับใช้ในการสร้างสรรค์เนื้อหาต่างๆ กันมากยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการให้ผลลัพธ์ในการทำเว็บไซต์ตามหลัก SEO มีประสิทธิภาพมากที่สุด และก้าวขึ้นเป็นผู้นำ มุ่งสู่การเป็นที่ 1 ของตลาดการแข่งขันได้นั่นเอง
5 SEO Trends ในปี 2024 ที่น่าจับตามอง
1. AI เข้ามามีบทบาท ทำให้การแข่งขันสูงขึ้น
SEO 2024 เป็นปีที่เราคาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือด เนื่องจากเป็นปีที่ธุรกิจเริ่มมองหาเครื่องมือและวิธีการใหม่ๆ ในการพัฒนาเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของทาง Google บวกกับในปัจจุบันที่มีการพัฒนาของเทคโนโลยีโดยเฉพาะเครื่องมือ AI ต่างๆ ที่เริ่มเป็นที่นิยม และมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในแวดวงของนักการตลาดออนไลน์และผู้สร้างสรรค์เนื้อหาต่างๆ รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนร่วมในการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ นั่นจึงทำให้ธุรกิจที่ลงสนามแข่งขัน SEO ในอนาคต จะมีอาวุธที่มากขึ้นในการต่อสู้กับธุรกิจคู่แข่งมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่นักเขียนที่เป็นมนุษย์จริงๆ ได้ เพราะถึงแม้ AI จะสามารถสร้างสรรค์เนื้อหาออกมาได้อย่างมีคุณภาพ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะจิตวิทยา ข้อสงสัย และความคิดที่แสนซับซ้อนของมนุษย์ได้ ในการใช้ AI เพื่อทำ SEO ให้สำเร็จ จึงควรผสมผสานระหว่างระบบอันชาญฉลาดของ AI กับสมองอันแสนซับซ้อนของมนุษย์เข้าด้วยกัน
นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ระบบ AI ในการวางแผนเนื้อหาในเว็บไซต์ เลือกหัวข้อที่น่าสนใจ มองหาไอเดียใหม่ๆ รวมถึงใช้ค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อใช้ในการพัฒนาเนื้อหาภายในเว็บไซต์ และยังช่วยลดภาระในการทำ SEO ให้กับธุรกิจได้อีกด้วย
2. การค้นหาแบบ Zero-Click กำลังได้รับความนิยม
ในช่วงปีที่ผ่านมาการค้นหาแบบ Zero-Click กำลังเพิ่มมากขึ้น และเป็น SEO Trends ที่น่าจับตามอง ซึ่งการค้นหาแบบ Zero-Click ก็คือ การที่ผู้คนค้นหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งใน Google แล้วผลลัพธ์หรือคำตอบจะแสดงขึ้นที่ด้านบนของหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google เลย แบบไม่ต้องคลิกเข้าไปก็ได้รับคำตอบที่ต้องการ
โดยที่ 57% ของการค้นหาบนมือถือและประมาณ 1 ใน 4 ของการค้นหาบนคอมพิวเตอร์ออกจากหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google เลยทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการค้นหา โดยที่ไม่ได้มีการคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งหมายความว่าการค้นหาแบบ Zero-Click กำลังได้รับความนิยม
และการที่ผู้คนที่ค้นหาสิ่งต่างๆ ไม่คลิกเข้าไปยังเว็บไซต์ อาจมีเหตุผลมาจากการที่ผู้คนเหล่านั้นค้นหาสิ่งต่างๆ เหล่านี้
- ธุรกิจหรือบริการในท้องถิ่น: Google มักจะเลือกแสดงข้อมูลที่จำเป็น เช่น ตำแหน่ง รายละเอียดการติดต่อ หรือเวลาทำการ
- การแปลงค่าหรือการคำนวณ: เช่น การเทียบค่าเงิน การแปลงค่าหน่วยวัด การคำนวณบวกลบคูณหาร เป็นต้น
- ข้อมูลของบุคคลสาธารณะหรือคนดัง: Google มักจะเลือกแสดงข้อมูลพื้นฐาน เช่น อายุ อาชีพ และผลงานที่โดดเด่น
โดยที่ธุรกิจที่ต้องการทำ SEO ให้ตอบโจทย์การค้นหาแบบ Zero-Click จะต้องมีเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้ทันที ด้วยคำตอบที่ ‘กระชับและแม่นยำ’ สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคลิกเข้าไปภายในเว็บไซต์นั่นเอง
วิธีปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ Zero-Click
1. ทำเนื้อหาให้ตอบสนอง Search Intent
ก่อนอื่นธุรกิจจะต้องเข้าใจ Search Intent จุดประสงค์หรือความต้องการที่แท้จริงในการค้นหา จากนั้นให้มีส่วนหนึ่งของเนื้อหาในหน้านั้นๆ เป็นส่วนที่ตอบคำถามเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน และกระชับมากที่สุด
2. ใช้ฟีเจอร์ People also ask
ในการเลือกใช้ Keyword และการสร้างสรรค์เนื้อหาภายในเว็บไซต์ ให้ธุรกิจตรวจสอบในฟีเจอร์ People also ask หรือ การค้นหาเพิ่มเติม ที่ระบบของ Google จะคาดการณ์ถึงการค้นหาอื่นๆ ของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ที่เราเลือกใช้ ซึ่งเราก็สามารถเอาคำถามเหล่านั้น มาให้คำตอบภายในเว็บไซต์เพื่อตอบสนองการค้นหาแบบ Zero-Click ได้อีกด้วย
3. เขียน Meta Description ให้คุ้มค่าแก่การคลิก
การทำ SEO ให้ตอบโจทย์การค้นหาแบบ Zero-Click ธุรกิจจะต้องรักษาความยาวของ Meta Description ให้อยู่ระหว่าง 120 ถึง 150 อักขระ/Charactor เพื่อตอบคำถามและทำให้ผู้ค้นหาเข้าใจในสิ่งที่หน้าเว็บไซต์ของธุรกิจหน้านั้นๆ ต้องการสื่อสารออกไป
3. การค้นหาด้วยเสียงกำลังมา ควรทำ Voice Search SEO
Voice Search หรือการค้นหาด้วยเสียงกำลังเป็นที่นิยมมากยิ่งขึ้น และมีแนวโน้มว่าในปี 2024 นี่จะเป็นอีกหนึ่งรูปแบบการค้นหาที่ผู้ใช้งานใช้สำหรับค้นหาสินค้าและบริการต่างๆ ใน Google เพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด ยืนยันได้จากผลการสำรวจที่พบว่าในปัจจุบันผู้คนมากถึง 50% กำลังใช้การค้นหาด้วยเสียง ซึ่งหมายความว่ามีผู้คนนับล้านคนที่ใช้การค้นหาด้วยเสียงเพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการและท่องไปในเว็บไซต์ต่างๆ บนโลกออนไลน์ การทำ Voice Search SEO จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์มาแรงที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของธุรกิจ เพื่อให้ได้อันดับบนหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google ที่สูงขึ้นได้
ซึ่งการเติบโตนี้นอกจากจะแปรผันตามพฤติกรรมการค้นหาสิ่งต่างๆ ใน Google แล้ว ยังสอดคล้องกับความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นของอุปกรณ์สั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงลำโพงอัจฉริยะต่างๆ เช่น Google Home และ Apple HomePod เป็นต้น นั่นจึงทำให้การทำ Voice Search SEO เป็น SEO Trends ในปี 2024 ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะหากธุรกิจเลือกใช้วิธีนี้เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ก็จะสามารถยกระดับเว็บไซต์ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ได้มากยิ่งขึ้น
วิธีทำ Voice Search SEO ให้ตอบโจทย์การค้นหาด้วยเสียง
1. วิเคราะห์ Search Intent มองหาคำถามที่ผู้คนถาม: ค้นหาคำถามที่กลุ่มเป้าหมายมักจะถาม โดยเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือสินค้าและบริการของธุรกิจ เพื่อประยุกต์ใช้คำเหล่านั้นมาเป็น Keyword ในการทำ SEO ทั้งยังสามารถใช้ฟีเจอร์ People also ask หรือ การค้นหาเพิ่มเติม ในการนำคำถามเหล่านั้นมาใช้ประกอบการคิดหัวข้อและสร้างสรรค์เนื้อหาภายในเว็บไซต์ได้อีกด้วย
2. ปรับ Keyword ให้ตอบโจทย์การค้นหาในท้องถิ่น: โดยทั่วไปแล้วการค้นหาด้วยเสียงมักจะเป็นการหาข้อมูลในท้องถิ่นหรือบริเวณใกล้เคียง เช่น ร้านอาหารใกล้ฉัน, ปั๊มน้ำมันใกล้ฉัน และร้านขายยาใกล้ฉัน เป็นต้น
3. ปรับปรุงให้ตอบโจทย์ฟีเจอร์ Snippets: 40.7% ของคำตอบในการค้นหาด้วยเสียงจะมาจากฟีเจอร์ Snippets ของ Google ซึ่งเป็นการยกเนื้อหาบางส่วนภายในเว็บไซต์มาแสดงผลในอันดับ 0 หรือด้านบนสุดของหน้าแสดงผลการค้นหาของ Google ซึ่งสามารถปรับปรุงเนื้อหาต่างๆ ให้ตอบโจทย์ฟีเจอร์นี้ได้โดย
- ให้คำตอบของคำถามที่ถูกต้อง สั้น และกระชับ ในหน้าเว็บไซต์
- ให้คำตอบที่เป็นประโยชน์กับคำถามที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ถูกถามบ่อยที่สุด
- ใช้หัวข้อที่ครอบคลุมเนื้อหาภายในบทความในหน้าเว็บไซต์
- เพิ่มในส่วนสารบัญสำหรับบทความยาวๆ
- ใช้หัวข้อย่อยภายในบทความเพื่อทำเนื้อหาให้อ่านง่าย
4. อย่ามองข้ามการทำ Video SEO
51% ของผู้คนมีแนวโน้มที่จะแชร์วิดีโอมากกว่าเนื้อหาประเภทอื่นๆ
89% ของผู้คนกล่าวว่าวิดีโอสามารถโน้มน้าวใจให้ซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการของพวกเขาได้
และนอกจากนี้ ธุรกิจ 91% ยังใช้วิดีโอเป็นเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ในปี 2023 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมีการคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ดูวิดีโอดิจิทัลทั่วโลกจะสูงถึงเกือบ 3.5 พันล้านคนภายในสิ้นปี 2566 จึงมีแนวโน้มสูงที่การทำการตลาดผ่านวิดีโอจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2024
ส่งผลให้ในอนาคต การเลือกใช้เนื้อหาที่เป็นวิดีโอจะช่วยดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายและผู้ใช้งานออนไลน์ได้ ผู้ที่ต้องการทำ SEO ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่จึงควรมีการสอดแทรกเนื้อหาวิดีโอไว้ภายในเว็บไซต์ รวมถึงมีการทำ Video SEO ในแพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังอย่าง YouTube เพื่อเข้าถึงผู้คนที่กำลังมองหาคลิปวิดีโอที่ตอบโจทย์กับการค้นหาของตัวเอง
ตัวอย่างการทำ Video SEO ใน YouTube
- เลือกใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและเนื้อหาภายในคลิปวิดีโอ
- ตั้งชื่อวิดีโอให้สั้นกระชับเข้าใจง่าย ไม่ควรเกิน 60 ตัวอักษร
- ใส่ Keyword เข้าไปในการตั้งชื่อวิดีโอ
- เพิ่มคำบรรยาย (Closed Captions / CC)
- ใส่ Keyword เข้าไปคำอธิบาย (Description)
- ใส่ LINK ของเว็บไซต์เข้าไปในคำอธิบาย (Description)
- เพิ่ม # ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและเนื้อหาภายในคลิปวิดีโอ
- ทำปกคลิปวิดีโอให้ดึงดูด โดดเด่น สะดุดตา
- ติด Tags ให้กับคลิปวิดีโอ เป็นต้น
5. การใช้งานในมือถือยังคงเป็นที่ 1
ราวๆ 60% ของการค้นหาออนไลน์ทั้งหมดดำเนินการบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โดยเฉพาะบนโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ตโฟน ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และคาดการณ์ว่าจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่เพียงแค่ในปี 2024 เท่านั้น การทำ SEO โดยพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์กับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือจึงเป็นสิ่งที่ธุรกิจจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญ
โดยที่ธุรกิจจะสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ SEO Trends อย่างการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือได้ง่ายๆ ด้วยการออกแบบเนื้อหาที่รองรับการแสดงผลบนโทรศัพท์มือถือ ทั้งยังควรให้ความสำคัญกับขนาดของตัวอักษร ฟอนต์ที่เลือกใช้ และสื่อต่างๆ ที่อยู่ภายใน นอกจากนี้ยังควรพัฒนาเว็บไซต์ให้ ‘สามารถดาวน์โหลดได้อย่างรวดเร็ว’ แม้จะใช้งานอยู่บนโทรศัพท์มือถือก็ตาม เพราะการปรับปรุงเวลาในการดาวน์โหลดหน้าเว็บให้เร็วขึ้นเพียง 0.1 วินาที จะสามารถเพิ่ม Conversion ได้มากถึง 8% เลยทีเดียว
ตัวอย่างการพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในมือถือ
- กำจัดทรัพยากรที่ปิดกั้นการแสดงผล: ลบทรัพยากรต่างๆ ที่ไม่จำเป็นทิ้ง โดยเฉพาะสิ่งที่ปิดกั้นการแสดงผลเนื้อหา รวมไปถึงสิ่งที่จะชะลอไม่ให้เบราว์เซอร์แสดงเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์
- เปิดใช้งาน Cache สำหรับอุปกรณ์มือถือ: ติดตั้งปลั๊กอิน Cache หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลชั่วคราว เช่น WP Rocket หรือ W3 Total Cache
- ทำให้หน้าเว็บแสดงผลได้อย่างเต็มที่: เลือกใช้ธีม WordPress ที่ตอบสนองการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ 100% และออกแบบให้แสดงผลได้อย่างสวยงาม ตอบโจทย์กับทุกขนาดหน้าจอ
- ตั้งค่า Lazy Loading: เปิดใช้งานให้มีการโหลดรูปภาพเมื่อจำเป็นเท่านั้นเมื่อใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อแสดงผลรูปภาพบนหน้าเว็บเฉพาะเมื่อผู้ใช้มองเห็นเท่านั้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะช่วยให้คุณโหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้นในที่สุด
- ปรับขนาดสื่อต่างๆ ให้เหมาะสม: อย่าใช้รูปภาพหรือคลิปวิดีโอที่มีขนาดใหญ่เกินไป เนื่องจากหากมีไฟล์ภาพและไฟล์วิดีโอที่ใหญ่ก็จะยิ่งใช้เวลาในการโหลดที่มากขึ้น
- สร้างเนื้อหาที่เหมาะสมกับการใช้งาน: สร้างเนื้อหาที่อ่านง่าย ใช้สัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อย ทำย่อหน้าของบทความให้สั้น (สูงสุด 3 ถึง 4 ประโยค) และเน้นตัวหนาหากเป็นข้อความสำคัญ
เช็กลิสต์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำ SEO ในอนาคต
- วิเคราะห์ Keyword ก่อนการทำ SEO ทุกครั้ง ด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น Semrush, Ubersuggest, KWFinder ฯลฯ
- วิเคราะห์คู่แข่ง Keyword ของคู่แข่ง และกลยุทธ์ของคู่แข่งก่อนการทำ SEO ทุกครั้ง
- ติดตั้งปลั๊กอินต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์
- จัดวาง Focus Keyword ไว้ในตำแหน่งที่สำคัญ เช่น Title, H1, H2 และ H3, URL, Meta Description, ALT รูปภาพ ฯลฯ
- ลง Blog ภายในเว็บไซต์อยู่เสมอ
- จัดการกำจัดลิงก์เสียหรือลิงก์ที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งสามารถตรวจสอบและแก้ไขได้ด้วยเครื่องมือต่างๆ เช่น Broken Link Checker
- ใช้ฟีเจอร์ People also ask หรือการค้นหาเพิ่มเติมใน Google เพื่อค้นหาคำถามที่เกี่ยวข้องกับ Keyword ที่เลือกใช้ เพื่อนำมาพัฒนาเนื้อหาให้ตอบโจทย์การค้นหาในแต่ละช่วงเวลา
- สอดแทรกเนื้อหาที่เป็นคลิปวิดีโอเข้าไปบ้าง และเริ่มทำ Video SEO ใน Youtube
- ปรับปรุงเว็บไซต์ให้สามารถใช้งานบนโทรศัพท์มือถือหรือสมาร์ตโฟนได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้ตอบโจทย์กับเทรนด์การทำ SEO 2024 และในอนาคต
สรุป
SEO ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ และจะยังคงมีการพัฒนารูปแบบ รวมถึงหลักเกณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการค้นหาของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและการอัปเดตอัลกอริทึมใหม่ๆ ของทาง Google ที่ได้มีการออกแบบให้มีความสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานออนไลน์ในช่วงเวลานั้นๆ ด้วยเหตุนี้การที่ธุรกิจจะก้าวเข้าสู่ปี 2024 ด้วยการทำ SEO อย่างมั่นคงในระยะยาวนั้น ธุรกิจจึงจำเป็นจะต้องเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตด้วยการตรวจสอบและปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์อยู่เป็นประจำ พร้อมอัปเดตความรู้และ SEO Trends ใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถปรับตัว เปลี่ยนแปลง และรับมือกับหลักเกณฑ์ต่างๆ จากอัลกอริทึมใหม่ๆ ของทาง Google ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงเพื่อให้สามารถทำเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์กับผู้บริโภคในช่วงเวลานั้นๆ ได้นั่นเอง
———————
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ SEO Trends ที่เราได้นำมาอัปเดตให้ทุกคนได้รู้ ทุกคนสามารถนำ SEO 2024 ที่น่าสนใจเหล่านี้ไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองกันได้เลย รับรองว่าการทำ SEO ของคุณจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปอย่างแน่นอน!
อ้างอิง
https://www.semrush.com/blog/future-of-seo/
https://bloggerspassion.com/future-of-seo/
https://www.clearvoice.com/resources/future-of-seo/